แม้ว่าการลงทุนในตลาด Cryptocurrency จะสร้างผลตอบแทนหลายเด้งให้กับผู้ลงทุนเป็นจำนวนไม่น้อยเพียงชั่วข้ามคืนก็ตาม แต่ก็มีผู้ลงทุนอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องเผชิญกับผลขาดทุนจนต้องยอมถอยออกมาจากตลาดนี้เพราะรับมือกับความผันผวนของราคาไม่ได้ !!
แต่วันนี้ Crypto INSIGHT EP.10 พาไปเรียนรู้วิชาการเอาตัวรอดพร้อมกับพกกลยุทธ์เอาชนะตลาด Cryptocurrency ขาลงผ่านมุมมองจากนายเอกราช ศรีศุภวิชากิจ Head of Risk Management & Research Specialist บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด หนึ่งในผู้ให้บริการซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลของเมืองไทย “Zipmex Exchange”
ห้ามมองข้ามพื้นฐาน Cryptocurrency กลยุทธ์รับมือตลาดขาลง
นายเอกราช เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า หากย้อนไปเมื่อ 5-10 ปีที่แล้วตลาดคริปโทฯ นับว่าเป็นโลกการลงทุนที่มีความผันผวนสูงมาก แตกต่างกับปัจจุบันที่เริ่มมีความผันผวนน้อยลง โดยตลาด Cryptocurrency มีทั้งเหรียญที่มีพื้นฐานและไม่มีพื้นฐาน การเคลื่อนไหวบางครั้งขึ้นกับ Demand และ Supply ดังนั้น นักลงทุนควรดูจับจังหวะตลาด (Market Timing) ในการเข้าซื้อ
“หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานในตลาดหุ้น ต้องดูจากงบการเงิน แผนการลงทุน หรือแม้แต่ผลประกอบการ แต่ในโลกคริปโทฯกลับต่างกัน ลักษณะของตลาดคริปโทฯ ไม่ได้มีการฟอร์มตัวราคาเหมือนตลาดหุ้น การปรับตัวแต่ละครั้งจะมีลักษณะแรงและเร็ว ทั้งขาขึ้นและขาลง
หากประเมินราคาก่อนหน้าที่บิทคอยน์ได้ทำราคาแตะ 65,000 ดอลลาร์ และมีการปรับตัวร่วงลงต่ำกว่า 55,000 ดอลลาร์ แสดงถึงภาพของขาขึ้นได้จบลงแล้ว (ในระยะกลาง) ทั้งนี้ การที่ขาขึ้นจบไม่ได้หมายความว่าตลาดจะเป็นขาลงเสมอไป อาจมีการขยับตัวอยู่ในกรอบ (Sideway) ที่ 40,000-50,000 ดอลลาร์ และหากราคาสามารถยืนที่ 50,000 ดอลลาร์ได้ก็อาจเป็นสัญญาณของตลาดขาขึ้นรอบใหม่ ทั้งนี้ การลงทุนในโลกคริปโทฯ”
นายเอกราช กล่าว
กลยุทธ์การรับมือตลาดคริปโทฯขาลง อาจแบ่งเป็น 2 กรณีสำหรับ 1) นักลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง และ 2) นักลงทุนระยะยาว
สำหรับกลุ่มนักลงทุนระยะสั้น-กลาง นักลงทุนกลุ่มนี้มักลงทุนใน Alt Coin ประกอบด้วย บาง Project ราคาเหรียญมีการปรับตัวลงแรงและไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ กรณีตลาดขาลง แนะนำให้นักลงทุนลดขนาดพอร์ตการลงทุน โดยการทยอยปรับเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุผลทางอารมณ์
ส่วนกลุ่มนักลงทุนระยะยาว หลายครั้งที่ตลาดมีการปรับตัวลง นักลงทุนกลุ่มนี้จะมองว่าเป็นโอกาส แต่ไม่ได้ทำการเข้าซื้อทันที มักอาศัยจังหวะในการเข้า เนื่องจากตลาดคริปโทฯ มักปรับตัวลงแรง บางครั้งการปรับตัวของราคาในกรอบ 20-30% แตกต่างกับตลาดหุ้นการเข้าซื้อควรคำนวณขนาดพอร์ตการลงทุนของตัวเองเป็นสำคัญ “จีนแบนคริปโทฯความท้าทาย “บิทคอยน์” ในโลกอนาคต
ด้วยลักษณะของตลาดคริปโทฯที่มีการปรับตัวแรงและเร็ว ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มไม่แน่ใจกับการลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์อย่าง “บิทคอยน์” แต่ที่ผ่านมา “บิทคอยน์” ยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องทั้งจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อย บริษัทมหาชนหลายแห่ง รวมถึงบริษัทข้ามชาติ มุ่งให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เป็นพื้นฐานของ Cryptocurrency นำมาประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ เพื่อลดต้นทุนและพัฒนาตามนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
แต่ก็มีตัวแปรที่มีผลต่อราคา “บิทคอยน์” นั่นก็คือกรณีการแบนคริปโทฯของประเทศจีนที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการแบนลักษณะนี้ส่งผลทางจิตวิทยาต่อผู้ที่ลงทุน รวมถึงเม็ดเงินของสถาบันที่กำลังจะเข้ามาในโลกคริปโทฯ แต่หากย้อนเหตุการณ์ต่างๆจะพบว่าราคาบิทคอยน์จะมีการ “ย่อ” ทุกครั้งที่ประเทศ
จีนประกาศแบนและก็สามารถกลับมาทำราคาสูงขึ้นได้ทุกครั้งเช่นกัน
“ตามความตั้งใจของผู้สร้างบิทคอยน์เพื่อเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน รายย่อยจะมองว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการลงทุน แต่ในมุมมองของสถาบัน “บิทคอยน์” เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ใช้ในการ Hedge มูลค่ากับ Fiat Money เพื่อป้องกันมูลค่าของเงินกระดาษที่ลดลงจากนโยบาย QE เป็น 1 ใน Store of Value เพื่อกักเก็บมูลค่าที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับทองคำ
ที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆที่ออกนโยบายมากำกับดูแล (Rule & Regulation) เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเกณฑ์ต่าง ๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องนักลงทุนจากการลงทุนโดยปราศจากความรู้ แต่การออกกฎที่เข้มงวดมากเกินไป ก็อาจเป็นการกดดันให้นักลงทุนเลือกที่จะไปลงทุนต่างประเทศ ทางสำนักงาน ก.ล.ต. มีการเปิด Hearing เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย แต่ด้วยโลกคริปโทฯ ที่มีการเคลื่อนไหวเร็ว ทำให้เราเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ทางแบงก์ชาติและ ก.ล.ต. ก็ต้องเริ่มเข้ามาศึกษาเพื่อออกเกณฑ์ให้เหมาะสม”
นายเอกราช กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ต.ค. 64)
Tags: Crypto Insight, Cryptocurrency, SCOOP, คริปโทเคอร์เรนซี, ซิปเม็กซ์, สินทรัพย์ดิจิทัล, เอกราช ศรีศุภวิชากิจ